|
- ในส่วนของตัวเครื่องหลัก จะมีช่องเสียบสายแลน2ช่อง คือ ช่องMain และช่อง Loopback
ซึ่งเราสามารถนำสายแลนมาเสียบทดสอบได้เลยครับ
- ในส่วนของตัวลูก (wiremap) ตัวนี้ต้องใช้งานร่วมกันกับตัวเครื่องหลักครับ
มาดูในส่วนของหน้าจอแสดงผลครับ จะแบ่งออกเป็น4เมนู
1. Wiremap ส่วนนี้จะทดสอบสายแลน โดยจะเช็คตำแหน่งของของสายแลนแต่ละฝั่งว่ามีการเชื่อมต่อกันหรือ
มีการช็อตกันหรือไม่ การเช็คด้วยเครื่องนี้ จะทำให้เรารู้ว่าหัวแลนฝั่งไหนมีปัญหา หรือเข้าหัวไม่ดี
เราจึงเปลี่ยนเฉพาะฝั่งที่มีปัญหาได้เลย ไม่ต้องสุ่มเปลี่ยนครับ
2.Pair&Length ส่วนนี้เอาไว้เช็คความยาวสายแลน แต่สายแต่ละแบบ หรือแต่ละยี่ห้อ มีคุณสมบัติต่างกัน
ฉนั้นเพื่อให้การวัดใกล้เคียงมากยิ่งขึ้น ควรจะนำสายแบบเดียวกันกับสายที่ต้องการวัด มาคาลิเบตก่อนครับ
(สายที่นำมาคาลิเบต ต้องมีความยาว5เมตรขึ้นไปครับ)
3.Coax/Tel ส่วนนี้จะเช็คสาย coaxial สายโทรศัพท์ จะต้องมีตัวแปลงครับ ในกล่องไม่ได้มีมาให้
4.Setup ส่วนของการตั้งค่า เมื่อกดเข้าไปจะมีเมนูย่อยอีก2เมนูคือ
- เมนูเปลี่ยนหน่วย เปลี่ยนหน่วยระหว่าง เมตรกับ ฟุตครับ
- เมนู คาลิเบต ใช้เพื่อปรับแต่งค่าเพื่อทำให้การวัดความยาวสายแม่นยำขึ้น
- เพื่อการทดสอบ ผมก็ทำสายแลนขึ้นมา1เส้น ฝั่งแรก ผมเข้าหัวตามมาตรฐานครับแล้วเสียบเข้าไปในตัวเครื่อง
ช่องMAIN หน้าจอจะใช้ตัวย่อว่า M ครับ
- ส่วนอีกฝั่ง ผมเข้าหัวเพื่อทดสอบ โดย สลับสายในช่อง 1กับ2 ตามรูปครับ ส่วนเส้น3 กับ6
ผมตัดสายให้ขาดออกจากัน แล้วช่อง 7-8 ผมปอกสายให้ช็อตกัน
เสียบไปในเครื่องแล้วทดสอบดูครับ ได้ดังรูป ตัวเครื่องฟ้องว่ามีการช็อตกันของสายเส้นที่ 7กับ8
เมื่อเครื่องพบว่ามีสายช็อตกัน จึงไม่ทดสอบสายเส้นอื่นต่อ ผมจึงแยกสายที่ช็อตออก ตอนนี้ สาย 7กับ8
จะไม่ช็อตกันแล้ว จากนั้นกดทดสอบใหม่อีกครั้ง
ได้ดังรูปครับ จะเห็นได้ว่า เครื่องแสดงผลฝั่งรีโมทว่า สาย1,2 มีการสลับกันกับสายฝั่งMain ส่วนสาย 3,6
แสดงเป็นเส้นที่ไม่ครบวงจร ซึ่งในการใช้งานจริง อาจเกิดจากเข้าหัวผิดพลาด การมีคราบสกปรกบนหน้าสัมผัส
หรือเกิดจาการสายโดนกัดแทะครับ
สุดท้าย ผมทดสอบการวัดความยาวสาย ถ้าจะวัดให้ได้แม่นยำขึ้น
จะต้องนำสายแบบเดียวกันกับที่ต้องการวัดมาทำการ คาลิเบตก่อนครับ
หน้าที่เข้าชม | 653,318 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 354,074 ครั้ง |
เปิดร้าน | 15 พ.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ส.ค. 2568 |